พระครูนิมิตวิสุทธิคุณ(หลวงพ่ออ้วน) วัดหนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์

หลวงพ่ออ้วน จรณฺวุโธ
เดิมชื่อ วิสุทธิ บุญน้อย เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ 2487 ณ บ้านหนองกระโดน ต.หนองกระโดน อ. เมือง จ.นครสวรรค์ ***
วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ 2508 ท่านมีอายุครบ 21 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทที่วัดหนองกระโดน โดยมี พระธรรมคุณาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อท่านได้บวชแล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวังสวัสดี เป็นเวลานานถึง 5 พรรษา ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย พร้อมทั้งปฏิบัติธรรมด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสสา ท่านได้ศึกษาเรื่อง สมถกัมมัฏฐาน และวิปัสสนา จากอาจารย์อูทั่น ซึ่งเป็นชาวพม่า
นอกจากนี้ยังได้ ศึกษาพระเวทวิชาคาถาอาคมจาก หลวงพ่อรุ่ง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ที่สำคัญท่านได้ศึกษาพระเวททางการรักษาโรค ด้วยสมุนไพร จากตำราของหลวงพ่อพวง อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกระโดน จากการศึกษาหาความรู้ในทางธรรมและทางปฏิบัติเหล่านี้ ท่านได้นำมาใช้ปัดเป่าความทุกข์ยากให้ผู้คนมากมายให้หายได้ และคลายความทุกข์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านใช้ความรู้ในสมัยโบราณมารักษากระดูก เช่นแขนหัก ขาหัก กระดูกร่างกายส่วนต่างๆ ให้หายได้ และท่านยังรักษาในเรื่องของผู้ที่ถูกคุณไสย อีกด้วย....
หลวงพ่ออ้วน ท่านได้ทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาและปรับปรุงบูรณะวัดมาโดยตลอด จนกระทั่งในปี 2514 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าอาวาส วัดหนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์... *** ปี พ.ศ 2516 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะตำบล *** ปี พ.ศ 2521 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น พระอุปัชฌาย์ *** ปี พ.ศ 2530 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี เป็นพระครูนิมิตวิสุทธิคุณ.. ***
บริเวณวัดหนองกระโดน
 |
นมัสการหลวงพ่อพวง หลังจากหลวงพ่อพวงมรณะภาพแล้วได้สร้างรูปเหมือนหลวงพ่อ ไว้ที่วัดแห่งนี้ |
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- เสาร์ที่ 3 มกราคม 2552 09:57:50 น.
หลวงพ่ออ้วน วัดหนองกระโดน
ละสังขาร...ฟื้นขึ้นมาใหม่ด้วยบุญฤทธิ์
วัดหนองกระโดน ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2426 มีอดีตเจ้าอาวาสผู้เรืองวิทยาคมคือ หลวงพ่อพวง (พระครูนิวิฐธรรมสาร) ซึ่งวัตถุมงคลยอดนิยมของท่านคือ เหรียญสี่เหลี่ยม สร้างปี พ.ศ.2470 นำออกแจกจ่ายให้แก่คนท้องถิ่นก่อนพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยคือ เหรียญหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ รุ่นแรกรูปไข่ ปี พ.ศ.2479
เหรียญสี่เหลี่ยมหลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน สร้างจำนวนน้อยและส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของคนท้องถิ่น เนื่องจากได้รับประสบการณ์ทางด้านอิทธิปาฏิหาริย์แคล้วคลาดและประการสำคัญคือ “คงกระพัน” จึงทำให้คนท้องถิ่นหวงแหนเก็บบูชาให้แก่ลูกหลานเป็นส่วนใหญ่ วัตถุมงคลของแท้ที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพวงจึงหายากในยุคนี้
ปัจจุบันวัดหนองกระโดน มีพระครูนิมิตวิสุทธิคุณหรือ “หลวงพ่ออ้วน จรณวฒโฑ” ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสลำดับที่ 17 ซึ่งท่านได้สืบสานตำรับวิชาอาคมของหลวงพ่อพวง และศึกษาฝึกปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์อูทั่นชาวพม่า นอกจากนี้ยังได้ ศึกษาพระเวทวิชาคาถาอาคมจากหลวงพ่อรุ่ง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.นครสวรรค์ จนเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวปากน้ำโพและเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สงเคราะห์ชาวบ้านญาติโยม จึงได้รับความเคารพนับถือในระดับแถวหน้าของนครสวรรค์เช่นกัน
โดยเฉพาะท่านสำเร็จวิชากสินสี่ ยิงกระสุนคต ปราบคุณไสยและมีวิชามหาทะมึนจากตำราหลวงพ่อพวง ด้วยการหุงน้ำมันมนต์รักษากระดูกซึ่งทุกวันนี้มีชาวบ้านเข้ามารับการรักษาโรคกระดูกทุกวัน ดังนั้นชาวบ้านมักจะสัมผัสได้ถึงความมีเมตตาบารมีของท่าน
กระทั่งมีรูปธรรมที่สามารถอ้างถึงได้เป็นอย่างดีคือ สัตว์ใหญ่เฉกเช่นโคยังรับรู้ถึงความเมตตาของหลวงพ่ออ้วน กล่าวคือ มีโคหลายตัวถูกบรรทุกขึ้นรถผ่านโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ กลางเมืองปากน้ำโพ เพื่อจะนำไปส่งเข้าโรงฆ่าสัตว์ แต่มีโคตัวเมียร่างสูงใหญ่พลัดหล่นจากรถตื่นตระหนกหนีตายวิ่งเข้าประตูโรงพยาบาลประจำจังหวัดและยังวิ่งเข้าไปในห้องแพทย์สร้างความตื่นตระหนกให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นอย่างมาก
ครั้นมีคณะแพทย์และพยาบาลตั้งสติได้ก็ใช้หลักความเมตตาร่วมลงขันไถ่ชีวิตโคตัวดังกล่าวได้จำนวนเงินกว่า 3 หมื่นบาทเกินกว่าราคาซื้อขายหน้าโรงฆ่าและคณะแพทย์ก็มีความเห็นตรงกันว่า ควรส่งโคที่ไถ่ชีวิตมานั้นนำไปถวายหลวงพ่ออ้วนอย่างเป็นเอกฉันท์
เมื่อทุกคนมีความเห็นเช่นนั้น โคตัวดังกล่าวก็เริ่มมีอาการสงบลงตามลำดับ จนกระทั่งคณะแพทย์ให้เจ้าของโคและผู้ควบคุมนำโคขึ้นรถเดินทางไปถวายหลวงพ่ออ้วนที่วัดหนองกระโดน แถมยังมีปัจจัยเหลืออีกหนึ่งหมื่นกว่าบาทถวายหลวงพ่อเพื่อเป็นทุนดูแลโคคู่บารมีอีกด้วยและปัจจุบันโคตัวนี้มีอาการสงบหลวงพ่อเลี้ยงไว้ใต้ถุนกุฏิของท่านด้วยความเมตตาตลอดมา
เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปไม่ถึงขวบปี หลวงพ่ออ้วนก็มีอาการอาพาธและคณะศิษย์ได้กราบนมัสการขอให้หลวงพ่อเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ เพราะอาการอาพาธค่อนข้างทรุดหนัก กระทั่งระหว่างอาพาธที่โรงพยาบาลอยู่นั้น หลวงพ่ออ้วนไม่รู้สติไปถึง 14 วัน จนเป็นที่ห่วงใยของบรรดาคณะศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
พอย่างเข้าสู่วันที่ 14 หลวงพ่ออ้วนก็รู้สึกตัวฟื้นคืนสติภายใต้ความปีติยินดีของศิษย์ผู้ดูแลใกล้ชิดและเป็นการฟื้นคืนสติที่เสมือนเป็นการกลับมา “เกิดใหม่” เนื่องจากหลวงพ่ออ้วนระลึกได้ว่า การไม่รู้สึกตัวตลอด 14 วันของท่านนั้นเสมือนเป็นการละสังขารไปแล้ว เพราะท่านตกอยู่ในนิมิตว่า เข้าไปท่องในภพอื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาละสังขารหรือเป็นเพียงการส่งดวงจิตออกจากร่างไปยังภพอื่น เพื่อนำเอานิมิตที่ท่านสัมผัสมาได้นั้นเป็นเนื้อหาแห่งธรรมะนำมาสอนญาติโยมให้กระทำแต่ความดี
หลวงพ่ออ้วน กล่าวถึงนิมิตข้างต้นโดยถูกคะยั้นคะยอให้เปิดเผยเท่าที่ท่านจะกระทำได้ว่า ความรู้สึกในนิมิตที่ท่านประสบในภพอื่นเป็นพื้นที่ว่างเปล่าโปร่งโล่ง แต่ท่านมีความรู้สึกว่า หิวทั้งน้ำและอาหาร เมื่อเห็นสำรับอาหารและน้ำก็จะหยิบขึ้นมาฉัน แต่ก็มีเสียงแผดก้องเป็นคำสั่ง “ห้ามแตะต้อง” แถมไล่ให้กลับอย่างเดียว
“ในนิมิตนั้นอาตมาหิวน้ำมากๆ ก็พยายามที่จะฉันให้ได้ แต่ก็ถูกห้ามและไล่ให้กลับเป็นอย่างนี้ตลอดเวลา กระทั่งตัดใจ เอ้า...ไม่ฉันก็ไม่ฉันก็หันหลังกลับก็มองเห็นพระเกจินครสวรรค์คือ หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพรและสหธรรมมิกที่สนิทสนมกัน เช่น พระครูนิยุติธรรมคุณหรือหลวงพ่อทองคำ อนงคโน อดีตเจ้าอาวาสวัดวิมลราษฎร์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ รวมถึงญาติโยมที่เข้ามาทำบุญในวัดหนองกระโดนบางคน แต่ก็ไม่สามารถทักทายกันได้ เพียงแต่อาตมาเป็นฝ่ายมองเห็นท่านเหล่านั้น”
เมื่อเล่ามาถึงช่วงนี้หลวงพ่ออ้วนก็บอกต่อไปว่า เมื่อหิวน้ำก็ถูกห้ามไม่ให้ฉัน เจอะเจอคนรู้จักก็ทักทายไม่ได้ จึงตัดสินใจว่า กลับก็กลับ...กระทั่งท่านรู้สึกตัวว่า กำลังฟื้นคืนสติบนเตียงโรงพยาบาลราชวิถี โดยมีแพทย์และพยาบาลกำลังระดมเครื่องมือทางการแพทย์ช่วยชีวิตอยู่
หลวงพ่ออ้วน กล่าวสรุปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแต่เพียงว่า “โยม...เวลาเราคิดจะให้อะไรแก่คนและสัตว์ ขอให้เราตั้งจิตให้ด้วยความเมตตา เมื่อให้เขาไปแล้วก็ขอให้คิดว่า ให้นำสิ่งของหรือเงินทองที่เรามอบให้ไปนั้นนำพาแต่ความสุขเจริญ อย่าสักแต่ให้ไปแบบส่งเดช”
ต่อมาก็มีเรื่องน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นว่า พระเกจิอาจารย์และสหธรรมมิกพร้อมญาติโยมที่หลวงพ่ออ้วนบอกว่า พบเห็นในนิมิตนั้นค่อยๆ ละสังขารไปทีละรูปและทีละคน นับตั้งแต่หลวงพ่อทองคำ ถัดมาก็หลวงพ่อจ้อยและก็มาถึงคิวโยมบางคนที่ชอบทำบุญตามวัดวาอารามอยู่เป็นเนื่องนิจ
การละสังขารและกลับมาเกิดใหม่ที่หลวงพ่ออ้วนบอกว่า เป็นเพียงนิมิตนั้น แต่กาลกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะท่านมีมหาเมตตามากกว่าในอดีต แม้ถูกนิมนต์ไปร่วมปรกอธิษฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หลวงพ่ออ้วนมักจะไม่รับปัจจัยที่วัดเจ้าภาพจัดถวายตามปกติทั่วไป
ด้วยนิมิตแห่งความอัศจรรย์ข้างต้นคือ บุญฤทธิ์หรือความสำเร็จด้วยบุญของหลวงพ่ออ้วนจึงมีดำริจัดสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ทดแทนหลังเก่าที่เริ่มคับแคบและชำรุดทรุดโทรมลงไปมากซึ่งยังขาดปัจจัยอีกประมาณ 10 ล้านบาท แต่ในทางตรงข้ามท่านเองก็ไม่รับปัจจัยจากการถูกนิมนต์ไปงานพิธีพุทธาภิเษกและยังแจกวัตถุมงคลให้แก่ญาติโยมที่เข้าไปกราบนมัสการท่านอยู่เนืองๆ จึงอาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนให้ศาลาการเปรียญหลังใหม่จะสำเร็จลุล่วงในเร็ววัน
แม้กระทั่งผู้เขียนยังกราบนมัสการเรียนถามท่านอย่างตรงๆ ว่า หากหลวงพ่อยังแจกวัตถุมงคลที่ทางวัดมีต้นทุนอยู่ตลอดเวลา เมื่อไหร่ศาลาการเปรียญหลังใหม่จะแล้วเสร็จเสียที ท่านก็ตอบกลับง่ายๆ แต่เพียงว่า “ก็บอกแล้วไง...ทุกอย่างขอให้ด้วยใจและทุกอย่างจะกลายเป็นบุญกุศลไปเอง ไม่ต้องคาดหวังอะไร ญาติโยมเขาศรัทธาเขาก็เข้ามาร่วมบริจาคทำนุบำรุงพระศาสนาให้มั่นคงสืบไป
ทั้งนี้ จึงขอถือโอกาสบอกบุญต้อนรับปีใหม่ 2552 วัดหนองกระโดน ยังมีวัตถุมงคลหลวงพ่ออ้วนรุ่นโชคดี เพื่อนำรายได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่มูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งวัตถุมงคลชุดนี้มีมวลสารเก่าของหลวงพ่อพวง และมวลสารศักดิ์สิทธิ์หลายชนิด
จัดสร้างเป็นพระเนื้อผงหลวงพ่ออ้วน-พระพิฆเนศ, สมเด็จหลังเงาเนื้อผงและเนื้อเหล็กน้ำพี้, มีดหมอเหล็กน้ำพี้, ตะกรุดโทน-ตะกรุดสามกษัตริย์, สิงห์เนื้อสามกษัตริย์ และรูปเหมือนปั๊มหลวงพ่ออ้วน
 |
หมูขุนยาวของหลวงพ่ออ้วน |
 |
โรงเลี้ยงหมู |
 |
ศาลาการเปรียญที่ยังสร้างไม่เสร็จ |